อิฐบล็อคนาโน (Nano Block) กับการสร้างบ้านเพื่อรับมือภัยธรรมชาติ
ระบบการก่อสร้างในปัจจุบันของประเทศไทย พบว่ายังคงมีปัญหาอยู่มาก อาทิ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน วัสดุก่อสร้างมีราคาแพง ต้นทุนและค่าขนส่งที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมัน รวมถึงแนวโน้มการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เราไม่อาจคาดการณ์ได้ ดังนั้นช่องทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวคงหนีไม่พ้นความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่มักจะสวนทางกับกระแสอนุรักษ์โลก ด้วยเหตุผลที่ว่าความเจริญล้ำหน้ามักจะก่อให้เกิดปัญหาสภาวะโลกร้อนตามา ซึ่งส่งผลโดยรวมมาจากการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง จนก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติ และยังส่งผลกระทบต่อความผันผวนของกระแสเศรษฐกิจโลกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ในการสร้างที่อยู่อาศัยแบบรักษ์โลก และสามารถรับมือภัยพิบัติด้วยอิฐบล็อคนาโน (Nano Block) ขึ้น โดยจัดเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการก่อสร้างที่จะตอบโจทย์กระแสรักษ์โลกในอนาคต
อิฐบล็อคนาโน เป็นระบบการก่อสร้างแบบโมดูลล่าร์ (Modular Building Method) [1] ซึ่งกำลังคิดค้นพัฒนาเช่นเดียวกับในประทศออสเตรเลีย เพื่อให้การก่อสร้างลดการเสียเศษวัสดุ ทำงานได้รวดเร็วขึ้น ทำหน้าที่เป็นผนัง เสา คานคอดิน เสาเอ็น คานเอ็น ได้ในตัวเดียวกัน ซึ่งเป็นผนังรับแรง (Wall Bearing) ทำให้มีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษกว่าระบบการก่อสร้างเสา-คาน ซึ่งเสียเวลามาก และต้นทุนสูงเกินไป ทำให้บ้านที่ก่อสร้างด้วยอิฐบล็อค นาโน ไม่ต้องมีเสาให้เกะกะสายตา วางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย และสวยงามกว่า ด้วยการลดขบวนการทำงานก่อสร้างลง ทำให้บ้านก่อสร้างด้วยอิฐบล็อค นาโน จึงก่อสร้างได้ รวดเร็วกว่า แข็งแรงกว่า ประหยัดกว่า ในทุกกรณี การสร้างบ้านด้วยอิฐบล๊อกนาโนไม่ต้องมีเสาคานมารับน้ำหนัก เพราะอาศัยหลัก wall bearing system [2] โดยใช้ผนังอาคารเป็นตัวรับน้ำหนักแทนที่น้ำหนักจะลงไปที่เสาคาน และตัวอิฐเองถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักได้ถึง 15 ตัน (ขึ้นอยู่กับสูตรที่ใช้) น้ำหนักจะเฉลี่ยลงไปที่ผนังโดยรอบแล้วลงไปที่ฐานรากที่ทำเป็นฐานแผ่ด้านล่าง หากเกิดการทรุดตัวก็จะทรุดลงไปเท่าๆ กัน ซึ่งเป็นเทคนิคของการก่อสร้างสมัยแรกๆ ในแถบประเทศที่สร้างบ้านด้วยอิฐหรือดิน โบสถ์ใหญ่สมัยเก่าในประเทศยุโรปส่วนใหญ่ก็สร้างด้วยวิธีนี้ ส่วนในประเทศไทย เองวัดพระแก้วหรือพระบรมมหาราชวังก็ใช้เทคนิคนี้ ปัญหาหนึ่งที่จะหมดไปเมื่อก่อสร้างด้วยวิธีนี้คือตัวผนังร้าวหรือตัวอาคารทรุดไม่เท่ากัน
ทำไมอิฐบล็อค นาโน (Nano Block) ถึงดีกว่า การก่อสร้างแบบเดิมๆ [3]
1) ประหยัด
- ระบบการก่อสร้างแบบผนังรับแรง ทำให้ถ่ายน้ำหนักตลอดความยาวผนัง แทนการถ่ายน้ำหนักที่ต้องวิ่งลงเสา ฐานรากเป็นจุดๆ ทำให้มีน้ำหนักมากเกินกว่าดินรับได้ จึงต้องใช้เสาเข็มช่วย การถ่ายน้ำหนักตลอดแนวผนัง ทำให้น้ำหนักที่ถ่ายลงดินเหลือน้อยมาก ทำให้ไม่มีแรงเค้นที่ดินฐานราก ทำให้ไม่ต้องตอกเสาเข็มให้เสีย เวลา และ เปลืองเงิน โดยใช่เหตุอีกต่อไป
- ผนังรับแรงแบบนี้ทำให้ ไม่ต้องเสียเวลา และเงินในการทำ เสา คานคอดิน คานเอ็น เสาเอ็น เช่นกัน
- ในกรณีต้องการยกระดับพื้นชั้นล่างให้สูงจากระดับดินเดิม 1.00 เมตร ก็เพียงการกรอกคอนกรีตลงในอิฐบล็อค นาโน แล้วถมดินภายในอาคารได้เลย
- ใช้ปูนกาวก่อโดยการจุ่มแล้ววาง แทนการก่อด้วยปูนก่อ (Mortar) ทำให้ก่อผนังได้รวดเร็วกว่าเดิมมาก และแข็งแรงกว่ามาก
- อิฐบล็อค นาโน มีลายผิวที่สวยงามแปลกตา ไม่ต้องฉาบปูนก็ได้ น้ำไม่ซึมเข้า
- อิฐบล็อค มีรูกลวงภายใน ทำให้เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก โดยกรอกทรายหยาบ หรือ วัดสุอื่นๆ เพื่อให้ต้านทานความร้อนความเย็นได้มากขึ้น ซึ่งมีราคาประหยัด
- อิฐบล็อค นาโน สามารถหล่อผลิตได้ในท้องถิ่น หรือ สถานที่ก่อสร้าง ทำให้ใช้วัสดุท้องถิ่นไม่ต้องเสียค่าขนส่งไกลๆ และใช้แรงงานภายในชุมชนได้ ทำให้ประหยัดกว่า
- การก่อสร้างเป็นระบบโมดูลล่าร์ เพราะระยะอาคารจะลงด้วยระยะ 20 ซม. ทำให้ปูกระเบื้องพื้นไม่เสียเศษ ทำให้ประหยัดกว่า
2) แข็งแรง
- อิฐบล็อค นาโน หล่อด้วยคอนกรีตแบบเปียก ทำให้มีคุณสมบัติทางวิศวกรรมศาสตร์ได้ดีกว่าแบบแห้ง หรือ วัสดุอื่นๆ ทำให้นำมาสร้าง เป็นผนังรับแรงได้ (Wall Bearing) ทำให้ลดเวลาและค่าใช้จ่าย การก่อสร้างเสา คาน เสาเอ็น คานเอ็นลง
- สามารถเพิ่มความแข็งแรงโครงสร้างให้รับแรงได้ โดยการเสริมเหล็กและเทคอนกรีตลงในรูปกลวงอิฐบล็อค ก็จะได้อาคารคอนกรีต เสริมเหล็กทั้งหลังราคาประหยัด
- บล็อคมีเดือยด้านบนและล่าง ทำให้ผนังสามารถรับแรงด้านข้างได้ดีกว่าผนังที่ก่อด้วยวัสดุอื่นๆ
3) รวดเร็ว
- ระบบการก่อสร้างแบบผนังรับแรง ทำให้ไม่ตอกเสาเข็ม เสา คานคอดิน เสาเอ็น คานเอ็น ทำให้การก่อสร้างลดลงได้ถึง 50 %
- อิฐมีเดือยด้านบนด้านล่าง และ ใช้ปูนกาว ทำให้ก่อผนังได้รวดเร็ว ได้ดิ่งฉากได้ง่ายกว่า
- ไม่ต้องใช้ช่างปูน หายาก ราคาแพง เจ้าของบ้านทำเองก็ได้ เพียงจับวางเท่านั้น
- ผิวผนังมีลายที่สวยงาม ทำให้ไม่จำเป็นต้องฉาบปูน หรือ ทาสีก็ได้ น้ำไม่รั่วซึม
- สามารถฝังท่อไฟฟ้า ท่อประปาได้ ไม่เสียเวลาสกัดผนังแบบเดิม
4) สวยงาม
- อิฐบล็อค นาโน เป็นคอนกรีตรับแรง ทำให้ปูนฉาบบริเวณผนังไม่แตกตรงมุมประตูหน้าต่าง ทำให้แลดูสวยงามกว่า
- เป็นผนังรับแรง ทำให้ไม่มีเสาให้ดูเกะกะรกหูรกตา เหมือนเดิม ทำให้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย สวยงาม
- ผิว โดดเด่น สวยงาม แปลกตากว่า ทำให้ไม่ต้องฉาบปูนทับก็ได้ น้ำไม่รั่วซึม
- สามารถผสมสีลงในคอนกรีตได้กว่า 36 สี ทำให้ไม่ต้องฉาบปูน ไม่ต้องห่วงเรื่องสีลอก หรือเก่า ภายหลัง
- สามารถผสมหิน หรือ ทรายเรืองแสง ทำให้กลางคืนมีแสงสว่าง เป็นจุดเด่นและ สวยงามแปลกตา
5) เศรษฐกิจที่ดีกว่า
- เจ้าของบ้านสามารถสร้างบ้านได้เอง (เกือบทั้งหมด) ลดการจ้างแรงงานหรือช่างฝีมือลง ไม่ต้องเป็นหนี้มาก
- สามารถผลิตได้เองในท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจชุมชนหมุนเวียนดีขึ้นกว่าซื้อวัสดุหรือแรงงานจากส่วนกลาง
- ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้าสู่ส่วนกลาง ทำให้มีส่วนในการลดปัญหาสังคมได้อีกทาง
6) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
- สามารถเลือกใช้เศษวัสดุเหลือใช้ (Recycle) มาเป็นวัสดุผสม ทำให้ช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ดี
- อากาศภายในบ้านเย็นสบาย ทำให้ลดใช้ไฟฟ้า ลดความจำเป็นในการสร้างเขื่อน หรือ การทำเหมืองแร่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์มาก
- ลดการขนส่งวัสดุระยะไกลๆ ลดการใช้น้ำมันรถยนต์ขนส่งลงได้มาก
ผลทดสอบคอนกรีตบล็อคประหยัดพลังงาน
โดย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

Article : ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยภิบัติ (NIDA Center for Research & Development of Disaster Prevention & Management)
Writer : หยาดน้ำค้าง
Photograph : akanek